พระประดับดุริยกิจ (แหยม วีณิน)
( พ.ศ. ๒๔๑๙-ไม่ทราบปีที่ถึงแก่กรรม)
พระประดับดุริยกิจ (แหยม วีณิน) เป็นรองเจ้ากรมพิณพาทย์หลวง ในรัชกาลที่ ๖ ตำแหน่งปลัดกรม เกิดที่บ้านฝั่งธนบุรี ตำบลวัดดุสิตาราม เมื่อวันจันทร์ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีชวด ตรงกับวันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๑๙ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นศิษย์ครูช้อย สุนทรวาทิน จากวัดน้อยทองอยู่ และเรียนหนังสือกับสมภารแสงในวัดเดียวกัน ตั้งแต่อายุได้ ๑๓ ปี ( พ.ศ. ๒๔๓๑ ) มีความรู้สามารถบรรเลงปี่พาทย์ได้ดี และที่มีความสามารถมากคือ วิชาเครื่องหนัง ต่อมาได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในรัชกาลที่ ๖ เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๘ สมัยเมื่อยังทรงดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช รับพระราชทานเงินเดือนขั้นต้น ๒๐ บาท เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ขึ้นครองราชย์แล้ว ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “ขุนพิณบรรเลงราช” เมื่อ วันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๓ รับพระราชทานเงินเดือน เดือนละ ๘๐ บาท แล้วเลื่อนขึ้นเป็นหุ้มแพรหลวงพิณบรรเลงราช เมื่อวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๕ เงินเดือน ๑๐๐ บาท ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ เปลี่ยนราชทินนามเป็น “หลวงประดับดุริยกิจ” เมื่อวันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๗ และเป็นพระประดับดุริยกิจ เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๙ ในปลายรัชกาลได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้รั้งตำแหน่งเจ้ากรมพิณพาทย์หลวง คือ ให้รักษาการตำแหน่งเจ้ากรมรับพระราชทานเงินเดือน ๒๐๐ บาท และได้รับตราช้างเผือกชั้นที่ ๔
พระประดับดุริยกิจ แต่งงานครั้งแรกกับ นางสาววงษ์ ธิดานายกล่อม และนางเยี่ยม มีบุตรธิดาชื่อ นายเดือน นายกุศิก และนางสาวประดับวงษ์ ต่อมาได้ภรรยาอีกคน ชื่อ นางสาวเพี้ยน บุตรีจีนคล้ายและนางแวว ซึ่งเป็นคนบ้านสวนตะไคร้ จังหวัดนครปฐม อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่วันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๗ มีบุตรีหนึ่งคน ชื่อ นางสาวเกษิณี และบุตรชายอีก ๓ คน คือ พลตรีสุภัทร นายทวี และพลตำรวจตรีเกษียณ วีณิน พลตรีสุภัทร เล่นดนตรีไทยได้คือ ระนาดเอก
พูนพิศ อมาตยกุล
(เรียบเรีบงจาก เอกสารทะเบียนประวัติ กรมมหรสพ สำนักพระราชวัง และการสัมภาษณ์ พลตรีสุภัทร วีณิน)
ที่มา : นามานุกรมศิลปินเพลงไทย ในรอบ ๒๐๐ ปี แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยพูนพิศ อมาตยกุล, หัวหน้าโครงการ ; ผู้ร่วมโครงการ, พิชิต ชัยเสรี …[และคนอื่น ๆ]. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๒๖.