ประกอบ สุกัณหะเกตุ (พ.ศ. ๒๔๕๙- ๒๕๓๑)

ประกอบ สุกัณหะเกตุ (พ.ศ. ๒๔๕๙- ๒๕๓๑)

ประกอบ สุกัณหะเกตุ

(พ.ศ. ๒๔๕๙- ๒๕๓๑)

 

นายประกอบ  สุกัณหะเกตุ เป็นนักดนตรีไทยที่ชำนาญด้านเครื่องสาย เป็นผู้มีประสบการณ์ในวงการดนตรีไทยมาก เกิดเมื่อวันท่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๙ ในบริเวณวังหน้า  ปัจจุบันนี้คือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ  เป็นบุตรของนายขำ และนางทองคำ  บิดามีอาชีพรับราชการ  ตาและยายมีนามว่า ชื่นและปลื้ม  มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๔ คน คนโต คือ นายแพทย์ขุนเกตุทัศนพยาธิ  ซึ่งเป็นนักดนตรีไทยสมัครเล่นคนหนึ่งสามารถบรรเลงขลุ่ยได้ มีพี่สาว ๓ คน ชื่อ เลื่อน สุนทรเภสัช  เฉลิม วีรแพทย์โกศล  และจิ้มลิ้ม ลีละชาติ  ทั้ง ๓ คน ไม่เล่นดนตรีเลย  ตัวนายประกอบเป็นคนสุดท้อง มีความสามารถในการบรรเลงเครื่องสายได้รอบวง  

สมรสกับนางสาวสมสวาท เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๐ ขณะที่มีอายุได้ ๒๐ ปี  ภรรยาเป็นผู้ชอบฟังเพลงไทยมากและสามารถร้องเพลงไทยได้  มีบุตรธิดาด้วยกัน ๔ คน คนโต ชื่อ อนุศาสน์ เป็นนักดนตรีสามารถสีซอด้วงและเป่าแคนได้ดี คนที่ ๒ เป็นนักร้องอยู่กองดุริยางค์ทหารเรือ ชื่อ ขนิษฐา คนที่สาม ชื่อ อาษากิจ เป็นนักดนตรีไทยสีซออู้  และคนสุดท้อง ชื่อ ศรีอัปสร สามารถบรรเลงขิมและเล่นออร์แกนได้ดี  

เริ่มเรียนหนังสือกับญาติที่อยู่ในบริเวณวังหน้า  หรือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ปัจจุบัน  ต่อมาได้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนราชบุรีวิทยาลัย จนจบชั้น ม. ๘ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๖ จากนั้นย้ายมาเรียนที่โรงเรียนนาฎดุริยางค์  ซึ่งปัจจุบันนี้คือ วิทยาลัยนาฎศิลป์ กรมศิลปากรจนได้รับประกาศนียบัตรจากวิทยาลัยแห่งนี้  ได้อุปสมบทที่วัดระฆังโฆษิตาราม เป็นเวลา ๑ พรรษา โดยมีพระราชโมฬีเป็นพระอุปัชฌาย์  เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วได้เข้าทำงานอยู่ในแผนกดุริยางค์ไทย กองการสังคีต กรมศิลปากร ในตำแหน่งศิลปินตรี  ต่อมาได้ย้ายไปอยู่กองวิทยาการ กรมโรงงานโลหะกรรม ในตำแหน่งประจำแผนก  แล้วย้ายอีกทีมาอยู่กรมทรัพยากรธรณี  ในที่สุดแห่งสุดท้ายที่ท่านทำงานอยู่ ก็คือ กรมการค้าภายใน ในตำแหน่งพนักงานกองควบคุมการค้า  

การเข้าสู่วงการดนตรีไทยนั้น  เนื่องมาจากได้ติดตามพวกพี่ ๆ และญาติเข้าไปเล่นดนตรีอยู่ในวังของเจ้านายหลายพระองค์  ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก  และมีความรักดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ จึงพยายามฝึกฝน  ครูคนแรกคือ พ.ท.สราวุธ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา  เริ่มต้นเรียนตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. ๒๔๗๐ เมื่ออายุประมาณ ๑๑ ปี  เพลงแรกที่เรียน คือ เพลงแขกมอญบางขุนพรหมเถา พ.ท.สราวุธ สอนให้เป่าขลุ่ย และโทนรำมะนา  นอกจากเพลงแขกมอญบางขุนพรหมเถาแล้ว  ได้ต่อเพลงแขกแดงเถา พระจันทร์ครึ่งซีกเถา และต่อเดี่ยวไวโอลิน เพลงเชิดนอก  ครูคนที่ ๒ คือ หลวงประดิษฐไพเราะ(ศร ศิลปบรรเลง) เมื่อครั้งที่เข้ามาในโรงเรียนนาฎดุริยางค์แล้ว  ได้ทำหน้าที่เป็นคนสีซอด้วง ประจำวงศรทองด้วย  หลวงประดิษฐไพเราะ ต่อเพลงลาวแพน ทางเดี่ยวไวโอลินให้ และเพลงอื่น ๆ เช่น อะแซหวุ่นกี้เถา ยวนเคล้าเถา และพญาสี่เสาเถา เป็นต้น ครูคนที่ ๓ คือครูสอน วงฆ้อง เป็นผู้จับมือให้ตีฆ้องวงใหญ่ เพลงสาธุการ และได้สอนต่อมาจนตีเพลงหน้าพาทย์ ได้ถึงเพลงองค์พระพิราพ อันเป็นเพลงหน้าพาทย์สูงสุด  ความสามารถของนายประกอบนั้นสามารถบรรเลงดนตรีและขับร้องได้ทั้ง ๒ อย่าง  เครื่องดนตรีที่ถนัดมาก ได้แก่ ซอด้วง ออร์แกน ไวโอลิน และซออู้ เพลงที่ชอบบรรเลงอยู่เสมอ ได้แก่เพลงแขกสาหร่าย เพลงเทพหาวเหิน เพลงสารถี เพลงนกขมิ้น เพลงลาวแพน และสามารถสีซออู้เพลงหุ่นกระบอกได้ดี  และขับเสภาได้ด้วย  ครูที่สอนขับร้องคนแรก คือ ครูชิ้น ศิลปบรรเลง ตั้งแต่ครั้งยังเรียนอยู่ในโรงเรียนนาฏดุริยางค์  ครูนิภา อภัยวงศ์ และ พ.ท.สราวุธ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา ก็เคยต่อร้องให้นายประกอบ  เพลงที่ร้องได้ดี มีเพลงเทพรัญจวนเถา เพลงสารถี และเพลงหกบทเถา ชอบร้องเพลงกับวงเครื่องสายไทยมากว่าวงดนตรีประเภทอื่น ๆ  

เริ่มถ่ายทอดวิชาการดนตรีให้แก่ผู้อื่นตั้งแต่อายุประมาณ ๒๐ ปี  และเป็นครูสอนดนตรีให้แก่สถาบันต่าง ๆ อาทิ เช่น คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียนดรุโณทยาน โรงเรียนวัดสังเวช โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โดยสอนด้วยวิธีท่องจำและใช้ตัวโน้ตควบคู่กัน  แต่งเพลงได้ทั้งทางร้องและทางเดี่ยว  เคยแต่งเพลงโหมโรงจันทร์แจ่มวนา  โหมโรงสุริยาเรืองศรี  โหมโรงเอื้องเหนือ  เพลงเมาะลำเลิงเถา  และเพลงอื่น ๆ อีกหลายเพลง  

งานเผยแพร่ดนตรีไทยนั้น  ได้ออกแสดงครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ ๑๗ ปี  โดยแสดงการเดี่ยวซอด้วง  เมื่อไปบรรเลงกับวงของ พ.ท.สราวุธ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา  นอกจากนี้ยังได้ร่วมแสดงดนตรี ณ โรงละครเก่า กรมศิลปากร ตั้งแต่ยังเป็นนักเรียนในโรงเรียนนาฏดุริยางค์ด้วย  

งานบันทึกเสียงนั้น เริ่มบันทึกเสียงครั้งแรกกับบริษัท ยีนซีมอน เพลงชุดแรกที่บันทึก คือ เพลงชุด ๓ ลาว อันมีเพลงลาวคำหอม ลาวดวงเดือน และเพลงลาวดำเนินทราย บรรเลงติดต่อกัน  ครั้งที่ ๒ บันทึกร่วมกับวงดนตรีคณะเตชนะเสนีย์ ในความควบคุมของครูเจือ เสนีย์วงศ์ ที่ห้องบันทึกเสียงบริษัทกมลสุโกศลจำกัด  บันทึกเพลงสองชั้นไว้หลายเพลง  ครั้งที่ ๓ บันทึกเสียงกับคณะสิทธิ ถาวร  ของครูประสิทธิ์ ถาวร  เป็นการบันทึกลงแถบบันทึกเสียงหลายม้วนด้วยกัน  เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒  และเป็นผู้เดี่ยวไวโอลินนำในรายการวิทยุและโทรทัศน์ต่าง ๆ หลายรายการ เช่น รายการก่อนนิทรา  ทางสถานีวิทยุ ททท. เป็นต้น  

รางวัลทางดนตรีไทยที่เคยได้รับ คือ ได้รับพระราชทานเข็มที่ระลึกสำหรับนักดนตรีไทย  จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ฯ  

นายประกอบมีความสามารถในการเล่นเครื่องสายได้ดี  เป็นคนแม่นเพลงมาก  บรรเลงได้ตั้งแต่จังหวะช้า  อ่อนหวานจนถึงเพลงจังหวะเร็วมาก  และสามารถเขียนโน้ตเพลงได้ทั้งโน้ตสากลแบบตะวันตก  โน้ตแบบตัวเลขหรือโน้ตแบบตัวหนังสือ (ด.ร.ม.ฟ.) นับได้ว่าเป็นบุคคลที่มีความสามารถยิ่งในวงการดนตรีไทย  

นายประกอบถึงแก่กรรม  เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๓๑ รวมอายุได้ ๗๒ ปี

พูนพิศ อมาตยกุล 

(เรียบเรียงจาก  แถบบันทึกข้อมูลซึ่งนายประกอบ สุกัณหะเกตุ เป็นผู้ให้รายละเอียด เมื่อ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๕)

ที่มา : นามานุกรมศิลปินเพลงไทย ในรอบ ๒๐๐ ปี แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยพูนพิศ อมาตยกุล, หัวหน้าโครงการ ; ผู้ร่วมโครงการ, พิชิต ชัยเสรี …[และคนอื่น ๆ].  กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๒๖.