ไปล่ วนเขจร
(พ.ศ. ๒๔๔๘-๒๔๙๑)
นายไปล่ วนเขจร เกิดเมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๔๘ ตำบลผักไห่ อำเภอผักไห่ จังหวัดอยุธยา บิดาชื่อ นายอุ่น มารดาชื่อ นางลับ มีพี่ชายร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๑ คน ชื่อ ปลั่ง เป็นนักดนตรี มีฝีมือซอดีมาก
นายไปล่มีศักดิ์เป็นหลานน้าของ หลวงไพเราะเสียงซอ (อุ่น ดูรยชีวิน) จึงได้เรียนซอกับหลวงไพเราะฯ มาแต่เด็ก และเรียนวิชาสามัญชั้นต้นที่โรงเรียนวัดชีโพน ในอำเภอผักไห่ จนจบชั้นประถมปีที่ ๒ ครั้งอายุได้ประมาณ ๑๗ ปี ได้เข้ารับราชการในกรมพิณพาทย์หลวง ในตำแหน่งนักเรียนฝึกหัด ซึ่งเท่ากับได้มาเรียนวิชาดนตรีต่อได้รับพระราชทานเงินเดือน เดือนละ ๑๕ บาท เป็นนักเรียนฝึกหัดอยู่ ๔ ปี ก็ได้บรรจุเป็นพนักงานชั้น ๓ กองดนตรี กรมบัญชาการมหาดเล็ก รับพระราชทานเงินเดือน เดือนละ ๒๐ บาท ต่อมาได้เป็นพนักงานชั้น ๔ กองพิณพาทย์และโขนหลวง กระทรวงวัง ทำหน้าที่สีซอด้วงประจำวง ๑ ทางซอดีและสีซอได้ชัดเจนไพเราะน่าฟังเป็นที่เลื่องลือมาก
วันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๗๘ ได้ย้ายจากกองพิณพาทย์และโขนหลวงไปสังกัดอยู่ในกองการสังคีต กรมศิลปากร ได้ตำแหน่งผู้ช่วยศิลปิน ชั้น ๑ หมวดดุริยางค์ไทย
นายไปล่มีภรรยาชื่อ ทองสุก มีบุตรธิดาด้วยกันทั้งสิ้น ๖ คน ปัจจุบัน (พ.ศ.๒๕๒๕) มีบุตรชายรับราชการอยู่ในกรมศิลปากร ๑ คน ชื่อ ประเสริฐ วนเขจร แผนกดนตรีสากล กองการสังคีต บุตรธิดานอกนั้น ไม่มีใครยึดอาชีพเป็นนักดนตรี
นายไปล่รับราชการอยู่ในกรมศิลปากรเรื่อยมาจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๑ ก็ถึงแก่กรรมด้วยโรคเส้นโลหิตในหัวใจอุดตัน ขณะบรรเลงมโหรีเพลงโอ้ลาวเถา ที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร มีอายุเพียง ๔๓ ปี
จรวยพร สุเนตรวรกุล
(เรียบเรียงจาก เอกสารทะเบียนประวัติของกรมมหรสพ และคำบอกเล่าเพิ่มเติมจาก นายประเสริฐ วนเขจร)
ที่มา : นามานุกรมศิลปินเพลงไทย ในรอบ ๒๐๐ ปี แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยพูนพิศ อมาตยกุล, หัวหน้าโครงการ ; ผู้ร่วมโครงการ, พิชิต ชัยเสรี …[และคนอื่น ๆ]. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๒๖.