เหมือน ดูรยประกิจ (พ.ศ. ๒๔๒๐- ไม่ทราบปีที่ถึงแก่กรรม) 

เหมือน ดูรยประกิจ (พ.ศ. ๒๔๒๐- ไม่ทราบปีที่ถึงแก่กรรม) 

เหมือน ดูรยประกิจ

(พ.ศ. ๒๔๒๐- ไม่ทราบปีที่ถึงแก่กรรม) 

นายเหมือน ดูรยประกิจ เป็นนักดนตรีไทยที่เชี่ยวชาญเครื่องหนัง ตีกลองเก่งมากคนหนึ่ง เกิดเมื่อเดือน ๑๑ ปีฉลู พ.ศ. ๒๔๒๐ เป็นบุตรของนายโคก นางจั่น อยู่บ้านถนนหลังวัดโสมนัสวรวิหาร ตำบลนางเลิ้ง กรุงเทพมหานคร ได้เข้าถวายตัวเป็นมหาดเล็กเวรฤทธิ์ เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๓ อายุ ๑๓ ปี มีหน้าที่อยู่ในกองพิณพาทย์หลวงตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ ได้เบี้ยหวัดขั้นต้นปีละ ๖ บาท  

เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นครองราชย์ ในปี พ.ศ. ๒๔๕๓ ถึงเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๕๔ ได้ย้ายมาเป็นมหาดเล็กยามกรมโยธาพิณพาทย์หลวง รับพระราชทานเงินเดือน เดือนละ ๒๐ บาท และได้ทำหน้าที่เป็นผู้ตีเครื่องหนังกับเครื่องประกอบจังหวะอื่น ๆ มาตั้งแต่ครั้งนั้น ไม่ทราบว่าเป็นศิษย์ของใคร 

อาจารย์มนตรี ตราโมท อธิบายว่า นายเหมือนเป็นคนตีกลองแขกที่มีชื่อเสียงมาก และตีกลองคู่กับนายสาย (ไม่ทราบนามสกุล และนายสายนี้มิได้รับราชการ) เมื่อเวลาเข้าคู่ตีกลองด้วยกันแล้วดีมาก เพราะฝีมือตีกลองต้องกัน เป็นคนกลองคู่สำคัญสมัยรัชกาลที่ ๖ และได้แต่งทางร้องเพลงเขมรพวงเถาด้วย   

นายเหมือน มีภรรยาชื่อ นวล เป็นบุตรีของนายชู และนางนุ่ม บ้านอยู่ถนนเจริญกรุง แต่งงานเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๐ แต่ไม่ปรากฏว่ามีบุตรสืบสกุล  

เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๘ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานนามสกุลให้นายเหมือนว่า “ดูรยประกิจ” ซึ่งเป็นการพระราชทานพร้อมกันทั้งหมด ๗ คน ทุกคนได้คำนำหน้านามสกุลว่า “ดุรย” หรือ “ดูรย” ทั้งนั้น คือ   

ดูรยชีวิน  อุ่น หลวงไพเราะเสียงซอ   

ดุรยาชีวะ  ส่าน  ขุนฉลาดฆ้องวง   

ดุรยประกร  เพ็ง   

ดูรยประกิจ  เหมือน   

ดูรยประสาธน์  สิน   

ดูรยประกฤต  ใส   

ดูรยประณีต  สุก   

ดูรยประมา  วัง   

นายเหมือนรับราชการมาจนสิ้นรัชกาลที่ ๖ แล้วออกจากราชการไปไม่สามารถติดตามประวัติได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๖๗ เป็นต้นมา 

 

พูนพิศ อมาตยกุล  

(เรียบเรียบจาก เอกสารทะเบียนประวัติ กรมมหรสพ สำนักพระราชวัง และคำบอกเล่าของ อาจารย์มนตรี ตราโมท) 

ที่มา : นามานุกรมศิลปินเพลงไทย ในรอบ ๒๐๐ ปี แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยพูนพิศ อมาตยกุลหัวหน้าโครงการ ผู้ร่วมโครงการพิชิต ชัยเสรี …[และคนอื่น ๆ].  กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย๒๕๒๖.